ความปลอดภัยของเครือข่าย: การป้องกันการบุกรุกและภัยคุกคาม

ความปลอดภัยของเครือข่าย
Categories:

ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกภาคส่วน เครือข่ายคอมพิวเตอร์จึงกลายเป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่องค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ จำเป็นต้องมีเพื่อใช้ในการดำเนินงานและให้บริการแก่ผู้ใช้งาน อย่างไรก็ดี เครือข่ายคอมพิวเตอร์ก็ถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่เหล่าแฮกเกอร์และอาชญากรไซเบอร์มุ่งเป้าที่จะโจมตีเพื่อขโมยข้อมูล ทำลายระบบ หรือก่อความเสียหายอื่น ๆ

ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้องค์กรและหน่วยงานสามารถปกป้องข้อมูลและระบบเครือข่ายของตนเองจากภัยคุกคามต่าง ๆ ได้

ภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของเครือข่าย

ภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของเครือข่ายสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

  • ภัยคุกคามจากภายนอก เกิดจากการกระทำของบุคคลภายนอกที่พยายามเข้าถึงเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น แฮกเกอร์ อาชญากรไซเบอร์ หรือแม้แต่คู่แข่งทางธุรกิจ
  • ภัยคุกคามจากภายใน เกิดจากการกระทำของบุคคลภายในองค์กรหรือหน่วยงาน เช่น พนักงานที่จงใจหรือประมาทเลินเล่อจนทำให้ข้อมูลรั่วไหล

ภัยคุกคามจากภายนอกที่พบบ่อย ได้แก่

  • การโจมตีแบบ Brute-force attack เป็นการพยายามเข้าถึงระบบด้วยรหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่าย
  • การโจมตีแบบ Phishing attack เป็นการหลอกลวงให้ผู้ใช้งานคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบที่มีไวรัสหรือมัลแวร์แฝงอยู่
  • การโจมตีแบบ Denial-of-service attack เป็นการโจมตีเพื่อทำให้ระบบเครือข่ายไม่สามารถให้บริการได้

ภัยคุกคามจากภายในที่พบบ่อย ได้แก่

  • การลักลอบนำข้อมูลออกจากองค์กร
  • การแก้ไขหรือลบข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • การโจมตีระบบเครือข่ายจากภายใน

มาตรการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย

เพื่อให้สามารถป้องกันภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรและหน่วยงานควรมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่

  • ระดับการป้องกันขั้นพื้นฐาน เป็นมาตรการพื้นฐานที่ทุกองค์กรควรมี เช่น การกำหนดรหัสผ่านที่ปลอดภัย การใช้ไฟร์วอลล์ การติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสและมัลแวร์
  • ระดับการป้องกันขั้นสูง เป็นมาตรการที่เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น เช่น การใช้ระบบเข้ารหัสข้อมูล การใช้ระบบการตรวจสอบและวิเคราะห์ความปลอดภัย
  • ระดับการป้องกันขั้นสุดยอด เป็นมาตรการที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องข้อมูลและระบบเครือข่ายที่สำคัญ เช่น การใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบไฮบริด การใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Cloud

ตัวอย่างมาตรการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายที่สำคัญ ได้แก่

  • การยืนยันตัวตนและการตรวจสอบสิทธิ์ (Authentication and Authorization) เป็นกระบวนการในการระบุตัวตนของผู้ใช้งานและอนุญาตให้เข้าถึงระบบหรือข้อมูลได้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
  • การเข้ารหัส (Encryption) เป็นกระบวนการในการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปที่ไม่สามารถอ่านได้หากไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึง
  • ระบบป้องกันไฟร์วอลล์ (Firewall) เป็นระบบที่ทำหน้าที่กรองการรับส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายภายในและเครือข่ายภายนอก
  • โปรแกรมป้องกันไวรัสและมัลแวร์ (Anti-virus and Anti-malware software) เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่ตรวจจับและกำจัดไวรัสและมัลแวร์
  • ระบบตรวจสอบและวิเคราะห์ความปลอดภัย (Security Information and Event Management: SIEM) เป็นระบบที่ทำหน้าที่รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้านความปลอดภัยเพื่อระบุและป้องกันภัยคุกคาม

แนวทางการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย

นอกจากการปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ แล้ว องค์กรและหน่วยงานควรมีแนวทางการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายที่ชัดเจนและครอบคลุม โดยควรพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  • ประเภทของข้อมูลและระบบเครือข่ายที่ต้องการปกป้อง
  • ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
  • งบประมาณและทรัพยากรที่มีอยู่

แนวทางการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายควรมีการทบทวนและปรับปรุงอยู่เป็นประจำ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่

สรุป

การรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรและหน่วยงานควรให้ความสำคัญ โดยควรมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมและแนวทางการรักษาความปลอดภัยที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถปกป้องข้อมูลและระบบเครือข่ายของตนเองจากภัยคุกคามต่าง ๆ ได้